บริษัท หล่วงหลีประกันภัย จำกัด ได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2476 โดยบุคคลในตระกูลหวั่งหลี มีวัตถุประสงค์เพื่อรับประกันวินาศภัย โดยในยุคแรกของการก่อตั้งได้รับประกันเฉพาะด้านอัคคีภัยและภัยทางทะเล ต่อมาวันที่ 15 สิงหาคม 2528 ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด จากนั้นบริษัทได้รับอนุมัติให้เข้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2533 ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท และในปี 2535 บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 80 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2536 บริษัทได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการโดยคนไทย ที่มีความมั่นคงทางด้านการเงิน มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านการรับประกันวินาศภัยมากว่า 90 ปี ดำเนินธุรกิจการรับประกันวินาศภัยทุกประเภท ได้แก่ การประกันอัคคีภัย การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง การประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยเบ็ดเตล็ด
โดยปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 380 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 380 ล้านบาท โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ 100/47-55, 90/3-6 อาคารสาธรนคร ชั้น 25-27 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในเขตปริมณฑลและภูมิภาค 24 สาขา
การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ
2566
- เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 10 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท รวมมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 370 ล้านบาท
2565
- เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 10 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จานวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้
หุ้นละ 10 บาท รวมมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 360 ล้านบาท
2564
- จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท สำหรับหุ้นจำนวน 35 ล้านหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมของปี 2553 และปี 2558
- ได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ (ISO 27001 : 2013)
- บริษัทได้รับผลการประเมินคุณภาพการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีที่จัดทำโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย 100 คะแนนเต็ม อยู่เกณฑ์ "ดีเยี่ยม" ติดต่อกันเป็นปีที่ 15
- บริษัทได้รับคะแนน “ดีเลิศ” หรือ “5 ดาว” ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นปีที่ 15